เรื่องสั้น บะหมี่น้ำวันปีใหม่ : ธาร ยุทธชัยบดินทร์

เรื่องสั้น บะหมี่น้ำวันปีใหม่ : ธาร ยุทธชัยบดินทร์

1.

บนเตาแก๊ส น้ำต้มกระดูกหมูในหม้อแขกและน้ำสำหรับใช้ลวกเส้นบะหมี่ในกระทะใบใหญ่ ทั้งหมดกำลังเดือดปุด ๆ แข่งกัน จนส่งกลิ่นหอมขจรขจายไปกับไอร้อนเป็นควันขาว ซึ่งลอยฟุ้งขึ้นท่ามกลางอากาศหนาวจัดของวันที่ 1 เดือนมกราคม  

ดูเหมือนว่านี่จะเป็นฤดูหนาวอันเย็นยะเยือกกว่าทุกปี ระยะนี้นครพนมอุณหภูมิต่ำกว่าสิบองศามาร่วมสองสัปดาห์แล้ว แต่ประมวลก็ยังสามารถทำตัวแปลกแยกจากทุกคนในครอบครัวรวมถึงชาวบ้าน ด้วยการสวมเพียงเสื้อยืดคอกลมสีขาวและกางเกงยีนฟอกขาสั้นเสมอเข่า ครั้นตัวสั่นเข้าหน่อยเขาก็จะล้วงเอาขวดเหล้าแบนในกระเป๋ากางเกงด้านหลังขึ้นมาจิบอยู่เป็นระยะ ๆ ทว่าตอนนี้เขาไม่หนาวแล้ว การทำงานอยู่หน้าเตาทำให้เขาอุ่นกายสบายดี ที่แย่ก็คือเขาเริ่มรู้สึกหิว ด้วยหลายวันมานี้ไม่ค่อยมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันตกถึงท้องเท่าไรนัก แต่แล้วโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ราวกับว่าความทรงจำนั้นได้รอจังหวะเวลานี้มานานแสนนาน ประมวลพลันหวนคิดถึงกรุงเทพฯ อันเป็นบ้านเกิด สถานที่ซึ่งเขาได้จากมาประมาณห้าหรือหกปีเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ เขานึกอยากรู้ว่า ป่านนี้ที่นั่น ภายในบ้านเก่าของแม่จะหนาวเยือกเย็นมากน้อยสักเพียงไหน และนี่ทำให้ชายวัยกลางคนรู้สึกสะเทือนใจไปกับการทำบะหมี่น้ำเลี้ยงคนในครอบครัวของภรรยามากเสียเหลือเกิน จนร่ำ ๆ ว่าอยากจะกลับไปนั่งดื่มเหล้าเหมือนเดิมมากกว่า ดื่มแล้วก็เที่ยวไปในโลกส่วนตัวของเขาเอง อย่างไรก็ตาม เขาพยายามข่มความรู้สึกเอาไว้และตั้งใจทำบะหมี่น้ำให้สำเร็จลุล่วงด้วยดี เพื่อที่ทุกคนจะได้กินกันเป็นอาหารเช้าในวันปีใหม่

ตอนนี้พวกเด็ก ๆ พากันมายืนจ้องตาแป๋วมองเขาสับหมูเตรียมทำไส้เกี๊ยว เมื่อสับจนละเอียดดีก็ปรุงรสและนวดเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นเขาก็ใช้ช้อนตักหมูสับป้ายลงบนแผ่นเกี๊ยวสีเหลือง ตั้งใจห่อแป้งเป็นรูปทรงคล้ายก้อนทองคำของจีนโบราณตามที่เคยเห็นแม่ทำ เขาจับจีบทบไปทบมา ป้ายน้ำสะอาดเล็กน้อยตรงขอบเพื่อให้แป้งยึดติดกัน เสร็จแล้วก็วางบนลงบนถาดกลม ชั่วเวลาไม่นานนัก หมูสับที่เตรียมไว้ก็หมดลง แต่ได้เกี๊ยวกองใหญ่เตรียมไว้ต้มในน้ำร้อนแทน เขายืนมองด้วยความพึงพอใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะคว้าถุงบะหมี่ซึ่งเลือกเอายี่ห้อที่แม่ชอบใช้มาตัดปากถุง ก้อนบะหมี่ถูกนำออกมายีเป็นเส้น เคาะเอาแป้งออก และขยำนวดเบา ๆ เขาจัดแจงลวกผักกวางตุ้ง ลูกชิ้นปลา เส้นบะหมี่ ส่วนเกี๊ยวต้มจนลอยน้ำขึ้นมา แล้วใช้ตะกร้อตักใส่ในชามกระเบื้อง จากนั้นหั่นหมูแดงย่างเป็นชิ้นบางวางลงด้านบนสุด เรียบร้อยดีแล้วก็ตักน้ำต้มกระดูกหมูร้อน ๆ เทลงไปจนท่วมเส้นบะหมี่ โรยหน้าด้วยต้นหอมซอยหยาบและกระเทียมเจียวเหลืองกรอบหอม ๆ โดยไม่ลืมเหยาะพริกไทยเล็กน้อย บัดนี้ทั้งหน้าตา สีสัน และกลิ่นหอมของบะหมี่พร้อมเครื่องเคราในชามกระเบื้อง ก็ดูเป็นบะหมี่น้ำแสนอร่อยในความคิดของเขาอยู่มาก แต่นั่นก็ไม่อาจจะเทียบเคียงกับฝีมือของแม่ได้เลย ประมวลรำพึง

เขารีบส่งบะหมี่น้ำชามแรกให้หลานคนที่ตัวเล็กสุดก่อน ทำให้หลานคนอื่นพากันกลืนน้ำลายลงคอไปตาม ๆ กัน แต่ใบหน้าของพวกเด็ก ๆ ก็ยังคงมีรอยยิ้มแห่งความหวัง ไม่นานเท่าไรทุกคนก็ได้ชามบะหมี่น้ำของตัวเอง แล้วพากันไปนั่งกินที่โต๊ะอาหารด้วยสีหน้าแววตาอันมีรอยยิ้มแห่งความเอร็ดอร่อย ต่อมาก็เป็นโอกาสของพวกผู้ใหญ่ซึ่งล้วนแต่เป็นญาติ ๆ กันทั้งสิ้น เขาเพิ่มปริมาณเส้นบะหมี่และเกี๊ยวให้เป็นพิเศษ บางคนเจาะจงขอหมูแดงมากหน่อย กระเทียมเจียวใส่เพิ่มอีกสักนิด เขาก็ตักให้ด้วยความเต็มใจ ทั้ง ๆ ที่เริ่มรู้สึกเหนื่อยชอบกล บางทีเสร็จจากทำบะหมี่น้ำแล้ว เขาคิดว่าน่าจะกลับเข้าห้องไปงีบหลับเสียสักตื่นหนึ่ง แต่ตอนนี้เขาต้องทำบะหมี่น้ำแจกจ่ายญาติ ๆ ให้ครบคนเสียก่อน เขาหวังให้ทุกคนในบ้านได้อิ่มท้องกันถ้วนหน้าในวันปีใหม่อันหนาวเหน็บนี้ อาหารปรุงเสร็จใหม่ร้อน ๆ ย่อมจะทำให้พวกเขารู้สึกอบอุ่นขึ้นอย่างแน่นอน

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ภายในห้องครัวก็พลันเงียบงัน บัดนี้ว่างเปล่าปราศจากผู้คนที่เคยมายืนต่อแถวรอรับชามบะหมี่ พ่อครัวมือสมัครเล่นก้มหน้ายิ้มเศร้า ๆ แล้วลงมือทำบะหมี่น้ำสำหรับตัวเองเป็นชามสุดท้าย ประมวลพยายามทำออกมาให้เหมือนบะหมี่น้ำชามนั้นมากที่สุด ก็จะชามไหนเล่า ถ้าไม่ใช่ชามที่แม่ได้เคยบรรจงปรุงให้เขากินอย่างสุดฝีมือ น่าเสียดายที่เขาไม่ได้กิน เมื่อปฏิเสธมือชราของแม่ซึ่งถือชามบะหมี่มายื่นส่งให้

“ผมไม่หิว” เขาส่ายหน้าอันเต็มไปด้วยความผะอืดผะอม เพราะก่อนหน้านั้นหลายวัน อย่างต่อเนื่องเสียด้วยสิ เขาได้ดื่มสุรากับบรรดาเพื่อนฝูงเพื่อส่งท้ายปีเก่าตามประสานักดื่ม นั่นทำให้ในเวลานั้นเขาไม่นึกอยากกินอะไรเลย นอกจากหวังจะได้เหล้าสักแก้วหรือเบียร์สักกระป๋องมากกว่า “เพื่อปรับระดับแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดน่ะ” อย่างที่เขามักชอบพูดเล่นกับเพื่อนฝูงเสมอ จำได้ว่าแม่รบเร้าให้เขากินบะหมี่น้ำของแม่หลายครั้ง สุดท้ายเมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมกินแน่แล้ว แม่ก็บ่นพึมพำด้วยใบหน้าเครียด ๆ เศร้า ๆ ดวงตาของแม่มีแววผิดหวังฉายออกมาให้เห็น ทว่าในห้วงเวลาดังกล่าวเขากลับไม่ได้รู้สึกอะไรเลย คงเป็นเพราะหัวใจของเขาหยาบกระด้างเหลือทนกระมัง หลังจากนั้นเพียงหนึ่งเดือนแม่ก็ตายจากเขาไป และทำให้ความทรงจำของเขาถูกจับมัดติดตรึงอยู่ในคาบเวลานั้นตลอดมา นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมและด้วยเหตุผลใด ที่ในวันขึ้นปีใหม่ของทุกปี บรรยากาศและกลิ่นอายต่าง ๆ จึงได้ทำให้เขานึกอยากกลับไปกินบะหมี่น้ำชามนั้นอยู่เสมอ ที่ผ่านมาเขาพยายามลืมหรือไม่คิดถึงเรื่องราวอันจะทำให้รู้สึกเป็นทุกข์นี้ แต่ในความมึนเมา เขากลับกระตือรือร้นขอลงมือทำบะหมี่น้ำด้วยฝีมือตัวเองเป็นครั้งแรก ด้วยหลงคิดว่าทำใจได้แล้ว

บัดนี้ บะหมี่น้ำในชามกระเบื้องที่ประมวลทำเลียนรสมือของแม่ก็ได้มาอยู่ในมือที่สั่นเล็กน้อย เขาประคับประคองชามอย่างระมัดระวัง แต่มันก็ยังคงสั่นให้เห็น เขาพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ และค่อย ๆ เดินไปหาที่นั่งหลบมุมกินอย่างสงบ จุดหมายปลายทางอยู่ที่โต๊ะไม้ใต้ต้นหูกวางหลังบ้าน ต้นอันใหญ่โตที่ในระยะนี้ใบเกือบทั้งหมดของมันซึ่งหลงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย ได้แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเรืองรองอยู่ในท่ามกลางสีทองของประกายแดดฤดูหนาว

และเป็นเพราะใจคอของเขารู้สึกไม่สู้ดี แต่ละย่างก้าวจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกเหนื่อยสะท้าน ตัวเย็นลง ขาแข้งเริ่มอ่อน ภาพในสายตาก็พร่าเลือน เหงื่อผุดออกมาเป็นเม็ด ๆ ตามหน้าผาก ทั้ง ๆ ที่ลมหนาวกระโชกมาถี่ ๆ เขานึกเอะใจว่าท่าจะไม่ได้การเสียแล้ว พยายามส่งเสียงร้องเรียกใครบางคนออกไปทว่าไม่สำเร็จ สุดท้ายร่างของเขาก็รูดลงไปกองกับพื้นดินลูกรังห่างจากต้นหูกวางไม่มากนัก ชามบะหมี่น้ำวันปีใหม่กลิ้งตะแคงอยู่บนพื้น เส้นบะหมี่ เกี๊ยว ลูกชิ้น หมูแดง และน้ำซุป ทั้งหมดกระจายออกเป็นวงกว้าง

โลกของเขามืดสนิทไปชั่วขณะหนึ่ง ครั้นแล้วก็เปลี่ยนเป็นสีเทาทึม ๆ มีร่างเงามากมายเข้ามาประคองร่างของเขา และพาเข้าไปในอุโมงค์มืดดำอันล้ำลึกสุดจินตนาการ เขาแทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย รับรู้แต่เพียงอาการล่องลอยของกายที่เคยหนักอึ้ง ทว่าบัดนี้กลับเบาหวิว ช่างเบาเหลือเกิน…เหมือนควันไฟ ประมวลคิด

2.

เป็นเรื่องปกติ หากคนเราจะรู้สึกและจดจำฝังใจว่า อาหารที่แม่ทำให้กินตั้งแต่เด็กคือแบบอย่างของรสชาติอันโอชะที่สุด ประมวลเองก็เป็นหนึ่งในคนจำพวกนั้น กับข้าวฝีมือแม่มักจะมีเนื้อวัวเป็นส่วนประกอบหลัก ที่ได้กินบ่อย ๆ ก็มีเนื้อตุ๋นเครื่องยาจีน ลาบเนื้อ เนื้อย่างน้ำตก หรือไม่ก็พะแนงเนื้อ ทั้งหมดนี้แม่เลือกปรุงรสอ่อนให้เขาเป็นพิเศษ เจือรสเผ็ดแต่เพียงเล็กน้อย อาหารรสมือแม่ทำให้เขากินข้าวได้อย่างเอร็ดอร่อยจนแทบจะลืมอิ่มอยู่เสมอ

ในวัยเยาว์ หลายต่อหลายครั้งที่เขาชอบแอบหยิบอาหารในตู้กับข้าวมากินเล่นทั้ง ๆ ที่ไม่ได้นึกหิวอะไรนัก เขากินอาหารพวกนั้นราวกับว่ามันเป็นขนมหรือของว่าง ของโปรดตลอดกาลเลยก็คือเนื้อเค็มทอด เนื้อเค็มฝีมือของแม่มีรสเค็มและเจือหวานขนาดพอรู้สึกได้ เขาติดใจจนแอบซ่อนเอาเข้าไปกินในมุ้งด้วยเสมอ บ่อยครั้งก็เผลอหลับไปโดยที่มือน้อย ๆ ยังคงเปื้อนคราบเนื้อเค็มอยู่เป็นประจำ

ความทรงจำอันยาวนานบอกว่า เขามีความสุขกับการได้กินอาหารฝีมือแม่ในทุกวัน แม้จะเป็นรายการอาหารซ้ำซากไปบ้างก็ตาม นอกจากในบางวันที่เป็นวันพิเศษ แม่จะตำพริกแกงเขียวหวานเสียงดังโป๊ก ๆ อยู่ในครัวตั้งแต่เช้า แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากรายฝีมือแม่นี้มีรสชาติเข้มข้นแต่ไม่เผ็ดเท่าไรนัก แม่มักจะทำให้พ่อของเขากินเสมอในวันที่พ่อกลับมาบ้าน (ปีละครั้งหรือสองครั้ง) หากเป็นเวลาที่พ่อไม่อยู่ แม่ก็จะทำอาหารโปรดของแม่ ซึ่งแน่นอน ย่อมเป็นของโปรดของเขาไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ อย่างเช่นผัดเผ็ดเนื้อสับกับหน่อไม้ดองโรยด้วยใบยี่หร่า เขาชอบแอบเปิดฝาหม้อแกงเพื่อกินเล่นตอนแม่เผลอ แล้วก็ต้องทำท่าร้องซู้ดซี้ดด้วยปากลิ้นที่เห่อชา เพราะรสเผ็ดร้อนราวกับใส่พริกลงไปทั้งสวนของแม่ แต่ผัดเผ็ดในหม้อนั้นก็ยังอร่อยจับจิตจับใจได้ทุกครั้งไป

ภายหลังเมื่อแม่มีอายุมากขึ้นจนเข้าสู่วัยไม้ใกล้ฝั่ง แม่ก็ดูจะยอมยกธงขาวให้แก่รสชาติเผ็ดร้อนอันเคยเป็นของโปรด แม่หันมากินอาหารรสอ่อนลง อีกทั้งยังเลิกกินเนื้อวัวด้วย ของโปรดที่แม่นิยมทำกินอยู่เสมอก็คือบะหมี่น้ำหรือไม่ก็เกี๊ยวน้ำ เขาเคยช่วยแม่ทำอยู่หลายครั้งจนกระทั่งพอจำวิธีทำได้ ทว่าในตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ เขาก็ไม่เคยลงมือทำกินด้วยตนเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว ก็จะให้เขาทำกินเองไปทำไมกันเล่า ในเมื่อเขายังมีแม่อยู่ทั้งคน อาหารจากมือของแม่ย่อมอร่อยเลิศรสอย่างที่สุด ความอร่อยที่เขาจะจดจำไปจนสิ้นลมหายใจเฮือกสุดท้ายของชีวิต ทว่าทุกวันนี้เมื่อไม่มีแม่อีกแล้ว อีกทั้งบะหมี่น้ำชามสุดท้ายที่แม่ปรุงให้เขาด้วยความรัก เขาก็ได้ปฏิเสธไปอย่างไม่มีเยื่อใย ปล่อยให้เส้นบะหมี่ขึ้นอืดอยู่ในชามน้ำซุปเย็นชืด จนแม่ต้องเททิ้งลงถังขยะไปในที่สุด แต่มันกลับเป็นอมตะอยู่ในความทรงจำของเขาเรื่อยมา

ถึงตอนนี้เขาก็ยังสามารถสัมผัสย้อนหลังได้ถึงความผิดหวังของแม่ แม่คงคิดด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจว่า เมื่อลูกโตขึ้น อาหารรสมือของแม่คงไม่อร่อยเหมือนตอนที่ลูกยังเป็นเด็กอีกแล้ว ลูกถึงปฏิเสธได้ลงคอ อีกทั้งลูกยังชอบออกไปกินอาหารฝีมือของคนแปลกหน้านอกบ้านมากกว่าด้วยซ้ำ นี่จึงทำให้เขาอยากย้อนเวลากลับไปวันปีใหม่ปีนั้นอีกสักครั้งเหลือเกิน เพื่อกลับไปกินบะหมี่ชามที่อร่อยที่สุดในโลก ต่อให้มันเย็นชืดหรือบูดเน่าแล้วก็ตาม การได้กินบะหมี่น้ำวันปีใหม่ฝีมือของแม่ กินให้ถึงขนาดต้องยกชามรินน้ำซุปหยดสุดท้ายเข้าปากอย่างหมดจด ย่อมเป็นความสุขสมปรารถนาของเขาอย่างแท้จริง จากนั้นพออิ่มท้องแล้ว เขาก็จะขอนอนหนุนตักแม่เพื่อหลับไปในความรักของแม่

“ใช่ ถ้าสามารถทำได้” ประมวลพยายามส่งเสียงพึมพำพูดกับตัวเอง

3.

พ้นจากอุโมงค์มืด ๆ แล้ว ประมวลก็เห็นหน้าบ้านของแม่ที่กรุงเทพฯ เขารู้สึกดีใจมาก รีบสะบัดแขนขาให้หลุดจากการเกาะกุมของร่างเงาเหล่านั้น ซึ่งแท้จริงแล้วเขาทำไปด้วยสัญชาตญาณเสียมากกว่า เพราะบรรดาร่างเงาหายไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่อาจรู้ได้ เขาเดินจ้ำพรวดพราดเข้าไปในบ้าน พลันก็เห็นร่างเล็กแบบบางของแม่นั่งอยู่กับพื้นหน้าประตูห้องครัว ในตำแหน่งที่แม่ชอบนั่งเล่นอยู่เป็นประจำ แม่หันมาส่งยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่น ตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งรู้สึกว่าอากาศภายในบ้านออกจะเย็นยะเยือกกว่าข้างนอก แต่ไม่สู้ที่นครพนมริมฝั่งโขง

ดูนั่นสิ น่าประหลาดใจอยู่ไม่น้อย แม่สาวขึ้นมาก  ดูอ่อนเยาว์ลงไปหลายปี รอยยิ้มของแม่ก็ช่างงดงามเหลือเกิน เขาตรงเข้าไปคุกเข่ากับพื้นและกอดแม่ไว้จนแม่ต้องหัวเราะออกมาเบา ๆ แม่ยกมือขึ้นมาขยี้ผมบนศีรษะของเขา ปฏิบัติต่อเขาเหมือนตอนที่เขายังเป็นเด็ก ก่อนจะถามว่า “หิวไหมลูก กินอะไรมาหรือยังล่ะ” เขาส่ายหน้า น้ำตาอุ่น ๆ กลบเบ้า พูดอะไรไม่ออก “ลุกขึ้นเถอะ แม่จะทำบะหมี่น้ำให้กินนะ วันนี้วันปีใหม่แล้ว”

ประมวลลุกขึ้นยืนตามแม่ พลางเฝ้ามองการเคลื่อนไหวอันแคล่วคล่องของแม่ ราวกับว่าแม่ไม่ได้ชราหรือป่วยไข้อีกแล้ว สักพักหนึ่งน้ำซุปในหม้อบนเตาแก๊สก็เดือด แม่บ่นว่าไม่มีแป้งเกี๊ยวของโปรดของเขาเลย โชคดีที่ยังมีบะหมี่ยี่ห้ออร่อยในตู้เย็น แม่เอาออกมายีบนเขียงไม้และนวดเส้นบะหมี่เบา ๆ เขามองทุกอากัปกิริยาของแม่ด้วยความสุข จนอดยิ้มออกมาทั้งน้ำตาไม่ได้

ในที่สุด บะหมี่น้ำฝีมือของแม่ก็สำเร็จออกมาเป็นชามสวย น่ากินอย่างจับจิตจับใจ ประมวลบอกกับตัวเอง เขาใช้ตะเกียบคีบเส้นบะหมี่ขึ้นมาแกว่งให้ถูกอากาศเย็น พลางมองดูแม่ที่นั่งพักอยู่ตรงมุมห้องครัวสลับกับเส้นบะหมี่ตรงหน้า เขายิ้มให้แม่ ก่อนจะกัดกินบะหมี่ด้วยท่าทางเหมือนเด็กซน ๆ คนหนึ่ง คำแรกช่างอร่อยด้วยรสชาติที่แสนจะคุ้นเคย คำที่สองอร่อยจับใจยิ่งขึ้น และคำที่สามเขาก็รู้สึกว่านี่คือการกัดกินเส้นบะหมี่แห่งความสุข หัวใจของเขาพองโต ท่วมท้นด้วยความรักของแม่ที่ปรุงอาหารให้เขาด้วยหัวใจ เขากลืนกินบะหมี่ทุกเส้นและน้ำซุปทุกหยด จากนั้นก็คิดจะขอบะหมี่น้ำจากแม่อีกสักชามหนึ่ง ทว่าเมื่อหันไปมองหาแม่ในตำแหน่งที่แม่เคยนั่งอยู่ก็ไม่เห็นร่างของแม่เสียแล้ว เขารู้สึกใจหายและเศร้าอย่างลึกซึ้ง สังหรณ์ใจว่าคงไม่ได้เห็นแม่อีก

4.

ประมวลค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เขาได้กลิ่นยาดมฉุน ๆ หอม ๆ ที่มีคนนำมาจ่ออยู่ที่รูจมูก สายตายังคงพร่าเลือน แต่พอมองเห็นใครต่อใครยืนล้อมอยู่รอบ ๆ นาทีถัดมาเขาถึงได้รู้สึกตัวว่ากำลังนอนห่มผ้านวมอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น สมองเต็มไปด้วยความงวยงงสงสัย หัวใจยังคงเต้นไม่เป็นจังหวะ ริมฝีปากสั่นระริก และหายใจเข้าออกด้วยความยากลำบาก เขาพยายามอ้าปากถามคำถามที่สงสัย แต่ก็เอ่ยออกไปไม่ได้ คลับคล้ายคลับคลาว่าความตายเพิ่งเฉียดกรายเข้ามาใกล้ ก่อนที่มันจะแผ่วจางบางเบา และหายไปในที่สุด

“ฟื้นแล้ว” ใครบางคนว่า

“กินเหล้าไม่บันยะบันยังก็แบบนี้แหละ”

คราวนี้เขาจำได้ว่าเป็นเสียงแหลม ๆ ขึ้นจมูกของแม่ยายของเขานั่นเอง

ต่อมาก็รู้สึกว่ามีร่างหนึ่งกอดเขาอยู่ ภรรยาของเขากระมัง ใช่ ไม่ผิดตัวแน่ เธอเงยหน้าขึ้นจากอกของเขาและยิ้มด้วยน้ำตา

“พี่มวลไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมจ๊ะ”

เขาได้แต่ยิ้มอย่างฝืดฝืน ในเวลานี้แม้แต่จะเผยอยิ้มก็ยังเป็นเรื่องยากเย็น

“ตอนที่พี่มวลหมดสติไป เหมียวใจไม่ดีเลยจ้ะ พี่หน้าซีดขาว ปากก็เขียวไปหมด กำลังตัดสินใจกันว่าจะส่งโรงพยาบาลดีไหม…”

ประมวลส่ายหน้าช้า ๆ พลางหลับตาลงด้วยความอ่อนเพลีย

“คงต้องเลิกกินเหล้าเสียที” เขาพยายามพึมพำพูดออกไปเพื่อให้ความหวังแก่ภรรยา ภายในใจหวนคิดถึงแม่ และกลิ่นรสของบะหมี่น้ำวันปีใหม่ซึ่งยังอวลอยู่ในปากชามนั้น.

ใส่ความเห็น